ถ้าพูดถึงร้านอาหารไทยอร่อยๆแล้วหลายๆคนคงนึกออกกันได้ไม่กี่ร้านนะครับ ส่วนมากที่พอจะนึกออกก็จะเป็นพวกสวนอาหารหรือร้านใหญ่ๆตามชานเมืองแทบทั้งนั้น ในเมืองนี่แทบหาทานไม่ได้ จะมีก็ราคาแพงๆ ปริมาณน้อย หรืออาหารตามสั่งทั่วๆไปเท่านั้นเอง
วันนี้ขอพาไปชิมร้านอาหารไทยๆที่ยังมีความเป็นไทยแท้ๆ ด้วยสูตรและรสชาติแบบต้นตำรับ ราคาก็ไม่แพงหรือเรียกได้ว่าถูกเลยดีกว่าถ้าเทียบกับร้านอาหารไทยร้านอื่นๆในระดับนี้ ไปกันเลยดีกว่าครับ ที่ร้าน มโนราห์ หรือ Manorah Royal Cuisine นั่นเอง
เห็นรูปตึกยิ่งใหญ่อลังการสวยงามแบบนี้แล้วเกรงว่าจะตกใจว่าร้านใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ … ไม่ใช่นะครับ วันนี้เรามากันที่อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก ซึ่งร้านมโนราห์จะเป็นร้านอาหารที่เปิดอยู่ภายใน อาคารไปรษณีย์กลาง นี้นั่นเองครับ ^^”
การเดินทางมาได้ไม่ยากครับ ถ้ามารถส่วนตัวสามารถลงทางด่วนใกล้ๆและจอดรถด้านในได้เลย
ส่วน BTS ก็ลงที่ สถานีสะพานตากสิน แล้วต่อรถเข้ามานิดเดียวครับ
เข้ามาภายในร้านกันแล้วก็ต้องทึ่งกับความสวยงามของการตกแต่งร้าน ที่มีกลิ่นอายความเป็นไทย ผสมผสานกับสไตล์ตะวันตก บรรยากาศภายในร้านให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องอาหารแบบชาววังเลยครับ
เมนูอาหารของที่ร้านมโนราห์จะเป็นอาหารไทยที่รวบรวมเมนูอร่อยมาจากทั้ง 4 ภาค ของไทย
ชอบทานแบบไหนเลือกสั่งกันได้เลยครับ เมนูมีหลากหลายมากๆ
ด้วยความที่อาคารไปรษณีย์กลางเป็นอาคารที่เก่าแก่ยาวนานกว่า 80 ปี และมีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีการบูรณะปรับปรุงจุดต่างๆ แต่สังเกตพื้นกระเบื้องของอาคารยังเป็นของเดิมอยู่ ไม่มีการรื้อทำใหม่ ทำให้ดูโบราณ คลาสสิค สวยงาม ชอบมากครับ
นั่งพัก สั่งน้ำดื่มเย็นๆแก้กระหายกันก่อน ชาไทย เย็นๆหอมกลิ่นชา เติมนมได้ตามความชอบครับ (60 บาท) กับ น้ำตะไคร้ หอมๆสดชื่นๆ (40 บาท) ทั้งสองแก้วมีก้านตะไคร้มาให้แกว่งๆก่อนทานเพิ่มความหอมเย็นสดชื่น
ทานอาหารกันเลยดีกว่าครับหิวแล้ว จานแรกที่เราสั่งเป็น ไก่ทอดหาดใหญ่ ที่เลือกใช้เนื้อไก่ส่วนสะโพก ทำให้เนื้อมีความชุ่มฉ่ำ ไม่แห้งแข็ง แล้วชุบแป้งทอดจนกรอบนอกนุ่มใน โรยด้วยหอมเจียวข้างบนอีกที เนื้อไก่รสเข้มข้นชุ่มฉ่ำ อร่อยมากครับ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเลยก็ได้ (150 บาท)
อีกจานเป็น ยำส้มโอกุ้งสด ปกติแล้วยำส้มโอนี่เป็นเมนูที่หาร้านที่ทำอร่อยๆจริงๆทานยากมากๆ แต่ที่ร้านมโนราห์เค้าคัดตัวส้มโอมาอย่างดี เลือกใช้พันธุ์ขาวแตงกวา ที่รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ เนื้อส้มโอมีความกรอบทำให้ไม่เละเวลาทำยำครับ (150 บาท)
สังเกตเนื้อส้มโอยังเป็นชิ้นๆสวยงามอยู่ ทำให้เวลาทานได้รสสัมผัสความกรอบของส้มโอเป็นอย่างดี บวกกับเนื้อกุ้งขาวสดๆตัวโตๆ เด้งๆ คลุกกับน้ำยำที่มีมะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง ทำให้ได้รสสัมผัสหลากหลาย เป็นยำส้มโอที่อร่อยกลมกล่อมมากๆครับ ชอบๆ
ต่อด้วย ห่อหมกชาวเล รสเผ็ดนิดๆกำลังดี เติมด้วยเนื้อกุ้งและปลาหมึกสดๆพอดีคำในแต่ละถ้วย เนื้อห่อหมกเค้าตีจนมีความเนียนนุ่มแบบมูส นุ่มนิ่ม หอมกลิ่นกะทิ อร่อยดีครับ (200 บาท)
เมนูที่ชอบมากๆเห็นจะเป็นจานนี้ ชุดน้ำพริกลงเรือ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสดหรือผักต้ม เลือกใช้ผักสดตามฤดูกาล ชอบตรงที่ให้ผักมาเยอะมากๆ ดู healthy กันสุดๆ มีดอกขจรสวยๆที่หาทานยากด้วยครับ มีการแยกเนื้อหมูหวานไว้ให้เพื่อไม่ให้รสชาติปนกับน้ำพริก (120 บาท)
ตัวน้ำพริกลงเรือก็เป็นน้ำพริกที่ทำกันใหม่ๆ รสเผ็ด เข้มข้น หอมอร่อยกลมกล่อมลงตัว จะคลุกข้าวกับไข่เค็ม หรือจะจิ้มทานกับผักสดก็อร่อยทั้งสองแบบครับ ผักเยอะๆหลากหลาย มีคุณค่าต่างกันไป อร่อยแล้วยังดีต่อสุขภาพด้วย ชอบจริงๆ ^^
สั่งน้ำแกงร้อนๆมาซดกันให้คล่องคอบ้าง กับ แกงเลียงกุ้งสด เคยได้ยินผู้ใหญ่เค้าแนะนำกันให้คนที่ตั้งครรภ์ทานแกงเลียงได้ทุกวัน เพราะช่วยบำรุงร่างกาย และยังทำให้มีน้ำนมเยอะ เห็นว่าจะจริง เพราะจัดเป็นแกงที่ดู healthy และ clean มากๆอีกเมนู นะครับ (140 บาท)
สำหรับแกงเลียง ที่นี่เลือกใช้กุ้งแชบ๊วย ที่มีความกรอบเด้งกว่า ผักต่างๆก็สดใหม่ ทั้งฟักทอง แครอท ข้าวโพด เห็ด และที่ขาดไม่ได้คือใบแมงลักที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมชูโรงให้กับแกงเลียง รสชาติเผ็ดนิดๆ ทานแล้วร้อน-อุ่นจากข้างในด้วยพริกไทยกับเครื่องแกงหอมๆ เสิร์ฟมาเป็นหม้อไฟ ทำให้ได้ทานน้ำแกงร้อนๆอร่อยๆได้ตลอดเวลาเลยครับ
ต่อกันด้วยอีกเมนูเด็ด อันดามันหม้อไฟ ที่จะคล้ายๆกับโป๊ะแตก มีทั้งกุ้ง เนื้อปลา หอย ปลาหมึก … เนื้อปลากะพงสดใหม่นุ่มๆอร่อยมากๆ เติมรสชาติและกลิ่นหอมด้วย ใบกระชายและใบกระเพรา ทำให้ได้รสอร่อยที่แตกต่างจากต้มยำทั่วๆไปครับ (250 บาท)
ทานกันจนอิ่มแล้ว ตบท้ายกันด้วยขนมหวานกันดีกว่าครับ ถ้วยนี้ของโปรดเลย บัวลอย เค้าใช้น้ำกะทิผสมใบเตยทำให้มีกลิ่นหอมอร่อย กับตัวแป้งที่ผสมเผือก ฟักทอง แตกต่างกันไปตามแต่ละสี ของโปรดตั้งแต่สมัยเด็กละครับ ชอบมาก (55 บาท)
นอกจากบัวลอยแล้วก็ยังมีกล้วยเชื่อมอร่อยๆ ราดน้ำกะทิหอมๆข้นๆ เนื้อกล้วยไม่แข็งไม่เละจนเกินไป ทานง่าย
ถ้ากินอิ่มกันแล้วก็ลองเดินเล่นภายในอาคาร ชมการตกแต่งภายในอาคารที่สวยงามคลาสสิค ตามผนังทางเดินแต่ละชั้นก็มีภาพเก่าๆที่แสดงประวัติความเป็นมาของไปรษณีย์ไทยเอาไว้ด้วย เดินชมกันเพลินเลยครับ ^^
ปัจจุบันภายในอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก ก็ใช้เป็นสถานที่จัดงานต่างๆ มีห้องให้เลือกใช้บริการหลายห้องครับ ทั้งสำหรับงานแต่งงาน งานหมั้น งานประชุม สัมมนาต่างๆ เป็นสถานที่ที่สวยงามน่าสนใจเลยทีเดียวครับ
สำหรับมื้อนี้ที่ร้านมโนราห์ Manorah Royal Cuisine นี้ก็บอกเลยว่า อร่อยและอิ่มมากๆๆ คุ้มราคาจริงๆครับกับอาหารไทยรสชาติต้นตำรับแท้ๆ และปริมาณที่จัดเต็มกันแบบนี้ ใครที่ชอบทานอาหารไทยหรือมองหาร้านอร่อยๆกันอยู่ ก็ลองแวะกันมาทานดูนะครับ แนะนำๆ ^^
ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคร้าบบบ :]
รายละเอียดร้าน Manorah Royal Cuisine
ที่ตั้ง : อาคารไปรษณีย์กลาง 1160 ถนนเจริญกรุง แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10501
เปิดให้บริการทุกวัน : 11.00 – 14.00 น. และ 17.00 – 21.00น.
โทร : 02-206-7310
[mappress mapid=”92″]