วันหยุดนี้ เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวกันที่ วัดไตรมิตร วัดชื่อดังเก่าแก่วัดหนึ่ง ที่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายให้เราได้มาชมกันครับ ทำให้มีผู้คนมากมายทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมวัดไตรมิตรกันอย่างไม่ขาดสายในทุกๆวัน อีกทั้งการเดินทางมายังวัดไตรมิตรก็ง่าย เพราะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเพียงนิดเดียวเท่านั้นครับ
วัดไตรมิตร นั้นเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า “วัดสามจีน” ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็น วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร วัดไตรมิตรมีฐานะเป็นพระอารามหลวง นอกจากนี้ด้านหลังก็ยังมีโรงเรียนวัดไตรมิตร ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีด้วยเช่นกันครับ
เมื่อเข้ามาถึงวัดไตรมิตรแล้ว ก็จะเห็นพระอุโบสถที่มีขนาดใหญ่และสวยงาม ให้เราเดินไปที่ด้านหน้าของพระอุโบสถ และจุดธูปเทียน เพื่อกราบไหว้พระกันก่อนครับ
มีผู้คนมากมายพากันมากราบไหว้ขอพรพระที่วัดไตรมิตรทุกวันครับ
ภายในพระอุโบสถนั้น จะมีพระประธานคือ องค์พระพุทธทศพลญาณ หรือ หลวงพ่อโตวัดสามจีน ซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ชาวบ้านนิยมมากราบไหว้ขอพร เพราะขึ้นชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากครับ (เนื่องจากวันที่เราไป มีการจัดงานพิธีด้านในโบสถ์ไม่สามารถเข้าไปได้ครับ)
หลังจากกราบไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินออกมาด้านหน้าพระอุโบสถจะเห็น พระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ครับ
พระมหามณฑปนี้ ก่อสร้างอย่างสวยงามวิจิตรตระการตา มีความสูงทั้งหมด 4 ชั้น ให้เราเดินขึ้นไปที่ชั้น 4 กันก่อนครับ เพื่อกราบไหว้ พระพุทธรูปทองคำ กันครับ
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (พระพุทธรูปทองคำ) ที่มีความงดงามหาชมได้ยาก องค์พระพุทธรูปทองคำนั้นเป็นทองคำแท้ทั้งองค์ มีน้ำหนักรวมกว่า 5 ตันเลยทีเดียวครับ
พระพุทธรูปทองคำ นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จนได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊คว่าเป็น “ปูชนียวัตถุที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก” ควรค่าแก่การกราบไหว้บูชาและอนุรักษ์ไว้อย่างยิ่งครับ
เดินลงมาจากชั้น 4 ของพระมหามณฑป ที่ชั้น 3 นั้นจะเป็นนิทรรศการหลวงพ่อทองคำ ซึ่งจัดนิทรรศการบอกเล่าประวัติความเป็นมาขององค์พระพุทธรูปทองคำไว้ครับ
นิทรรศการได้ถูกจัดขึ้นอย่างสวยงาม และมีรายละเอียดครบถ้วน ชัดเจนมากครับ โดยจะบอกเล่าตั้งแต่แรกเริ่มกันเลยครับ
เดิมที พระพุทธรูปทองคำนั้น ถูกพอกปิดด้วยปูนทั่วทั้งองค์ พุทธลักษณะภายนอกไม่งดงามหรือโดดเด่นครับ อีกทั้งยังมีน้ำหนักมาก ยากต่อการขนย้าย
จนเมื่อถึงครั้งที่จะต้องย้ายองค์พระพุทธรูปนี้ ได้เกิดอุบัติเหตุทำให้องค์พระตกลงมากระแทกพื้น เนื้อปูนมีรอยแตก ทำให้เห็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์งดงามที่อยู่ภายในครับ ต่อมามีการคุ้ยดินใต้ฐานทับเกษตรออก และพบกุญแจกลสำหรับถอดองค์พระออกเป็นส่วน ๆ ได้ 9 ส่วน ทำให้สะดวกต่อการอัญเชิญขึ้นประดิษฐานยังพระวิหารครับ
มีการตรวจสอบ และประเมินเนื้อทองขององค์พระพุทธรูปซึ่งเป็นทองคำบริสุทธิ์ เรียกว่า ทองเนื้อเจ็ด น้ำสองขา (มาตราทองคำของไทยโบราณ ซึ่งเป็นทองที่มีค่าของเนื้อทองรองจากทองนพคุณหรือทองเนื้อเก้าครับ) มีน้ำหนักกว่า 5 ตัน คิดเป็นน้ำหนักทองคำ 25,000 ปอนด์ หรือคิดเป็นมูลค่าเฉพาะเนื้อทองคำในขณะนั้น (พ.ศ. 2498) 14 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 294,000,000 บาท (สองร้อยเก้าสิบสี่ล้านบาท) เลยทีเดียวครับ
เราสามารถยืนอ่านประวัติ และถ่ายรูปภายในพิพิธภัณฑ์ได้ตามความต้องการ มีการบอกเล่าเรื่องราวอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เดินชมได้อย่างเพลิดเพลิน และได้รับความรู้ โดยคนไทยไม่เสียค่าเข้าชมครับ ในการถ่ายรูป ไม่ควรใช้แฟลช เพื่อรักษาสภาพของศิลปะและวัตถุต่างๆให้คงอยู่ได้นานครับ
ก่อนออกจาก พิพิธภัณฑ์ ก็จะมีจุดขายของที่ระลึกต่างๆครับ ไม่ว่าจะเป็น องค์พระสำหรับเช่าบูชา โปสการ์ด และของที่ระลึกต่างๆครับ
เที่ยววัดไตรมิตร นอกจากจะได้ทำบุญ ไหว้พระ กันอย่างอิ่มอกอิ่มใจแล้ว เรายังได้ความรู้จากการชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆอีกด้วยครับ ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ ในตอนต่อไป เราจะพาไปยัง พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช ซึ่งอยู่ที่ชั้น 2 ของมณฑป กันต่อครับ อย่าพลาดนะครับ ^^
“วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร”
ที่ตั้ง : ถ.มิตรภาพ (ตรีมิตร) ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100
เปิด : ทุกวัน 6.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟหัวสำโพงตรงมาทางถนนเยาวราช ข้ามสะพานแล้วเลี้ยวซ้าย มายังถนนมิตรภาพ (ตรีมิตร) วัดไตรมิตรจะอยู่ทางด้านขวามือ สามารถนำรถเข้ามาจอดได้ในวัดครับ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : www.wattraimitr-withayaram.com